Raptor 2011 Concert: เหมือนได้กลับไปอยู่ ป.6 อีกครั้ง

10:41 PM NidNok Koppoets 2 Comments


ใครไปดูคอนเสิร์ต Raptor 2011 แล้วไม่คิดถึงสมัยเด็กๆ ก็ดูจะใจแข็งเกินไป...



ฉันเองก็เช่นกัน เมื่อย้อนนึกไปถึงวัยประถมปลายของฉัน ภาพที่จำได้คือฉันมีกลุ่มเพื่อนหญิงล้วนถักเปียยุ่งๆ สองข้าง กระโปรงยาวเฟื้อย กระเป๋าตุงๆ หนา วิ่งเล่นซ่าส์ตามสนามบาส สนุกทุกครั้งที่ได้ทำอะไรผิดกฎระเบียบ และมีความสุขเสมอที่ได้ร้องเพลง และซ้อมเต้นในเพลงของศิลปินที่เราชื่นชอบ และหากจะให้บันทึกความทรงจำในช่วงนั้นออกมาแบบย่อ คงจะแยกเป็นข้อๆ ได้ดังนี้
  • ฉันเคยทะเลาะกับเพื่อน เพียงเพราะเถียงกันว่า แกรมมี่กับอาร์เอส ค่ายไหนดีกว่ากัน
  • ความสุขของเด็กสาววัยประถมปลายเช่นฉัน คือการฟังเพลงจากเทปคาสเส็ต แล้วร้องตามด้วยเนื้อเพลงที่อยู่บนปกด้านใน
  • ฉัน จะมีสมุดเล่มเล็กๆ เอาไว้จัดชาร์ตเพลงไทย และศิลปินไทยยอดฮิตประจำสัปดาห์ เป็นของตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพาให้คลื่นวิทยุจัดให้ ผลที่ออกมาเพลงและศิลปินทั้งหมดมาจากค่ายอาร์เอส และอันดับหนึ่งในทุกสัปดาห์คือ เจอาร์
  • เด็กหญิงในห้องทุกคนจะต้องมีศิลปินชายคนโปรดในดวงใจอย่างน้อยหนึ่งคน เอาไว้ตอบเวลาใครถามว่า "เธอชอบใครอ่ะ"
  • ซึ่งศิลปินในแคตตาล็อกก็หนีไม่พ้น เจอาร์, วอย, โดม, เจมส์, ลิฟต์, ออย, จอนนี่, หลุยส์, แซนด์, แบงค์, ราฟฟี่
  • แต่ถ้าเป็นทัช ณ ตะกั่วทุ่ง, ไฮแจ็ค, ยูโฟ ฯลฯ ก็ดูจะเชยเกินไป
  • การเฝ้ารอดูมิวสิควิดีโอตัวใหม่ตามรายการเพลง ทั้งตอนกลางวันและกลางคืน คือความสุขและทรมาน ในขณะเดียวกัน
  • เทปคาสเส็ตราคาแพงสำหรับเด็กประถมในสมัยนั้น เราจึงมักขอเงินพ่อแม่ไปซื้อ หรือไม่ก็รอลุ้นให้ท่านซื้อให้เป็นของขวัญในโอกาสพิเศษอะไรซักอย่าง
  • ฯลฯ
เราชาว Gen X, Gen Y ต่างก็เติบโตมากับบทเพลง ท่าเต้น และหน้าหล่อๆ สวยๆ ของศิลปิน RS ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ เขียนจดหมายหาคนที่ชอบ เราก็ได้เพลงพวกนี้แหละเป็นที่พึ่ง

ดังนั้น การเกิดมีขึ้นของคอนเสิร์ต Raptor 2011 มันจึงไม่ใช่แค่คอนเสิร์ตที่มีศิลปินมาร้องเพลง มาเต้น มาขายโชว์ให้เราดู แต่มันคือการขายความทรงจำ ขายช่วงเวลาที่เราคิดถึง ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในเวลาสองชั่วโมงกว่าๆ


คอนเสิร์ตสนองความอยากของผู้ชมได้ดีมากตรงที่เคารพในความเป็นต้นฉบับของเพลง ตอนแรกฉันก็คาดเดาไปเยอะ คิดว่าจะเอาเพลงมาตีความและทำดนตรีซะใหม่ ที่ไหนได้ ทุกเพลงที่เล่นในคอนเสิร์ตยังคงเดินตามเมโลดี้ และบีทเดิมทั้งหมด เปลี่ยนจากดนตรีสังเคราะห์เป็นดนตรีสด ที่แน่นจนได้ที่ (ได้ยินว่าคุณไก่ สุธี แสงเสรีชน เป็น Sound Director)

บทเพลงที่ร้องทั้งหมดในคอนเสิร์ตเป็นประเภทที่หาฟังบนเวทีไหนไม่ได้ ไม่เน้นขายพลังเสียง ไม่ขายโชว์หรือโปรดักชั่น ทั้งหมดคือไทม์แมชชีนพาเราย้อนกลับไปวัยประถม มัธยม แบบไม่ต้องพึ่งโดราเอมอน


ศิลปินบนเวที ทั้งตัวหลักอย่างจอนนี่ และหลุยส์ หรือแขกรับเชิญ ลิฟต์ - ออย (ไม่นับตุ๊กกี้ คนนี้ถือว่ามาเอ็นเตอร์เทนอย่างเดียว) ต่างก็เติบโตและเปลี่ยนแปลงไปมากจากภาพเก่าๆ ที่เราชินตา เด็กลูกครึ่งตัวเล็กๆ สองคนนั้น ตอนนี้คนนึงกำลังสนุกกับการทดลองทำเพลงในรูปแบบต่างๆ ส่วนอีกคนก็เป็นพระเอกละคร หรืออย่างลิฟต์ที่ตอนนี้กลายเป็นคุณพ่อลูกหนึ่งไปแล้ว

ส่วนพวกเราคนดู เติบโตขึ้นมาก จากที่ครั้งหนึ่งเราเคยต้องขอเงินพ่อแม่ไปซื้อเทปคาสเส็ตของศิลปินที่เรา ชื่นชอบ แต่วันนี้ เราซื้อบัตรคอนเสิร์ตการกลับมาของพวกเขาด้วยเงินที่เราหามาได้เองแล้ว...

จนถึงตอนนี้ สองวันมาแล้วจากที่ได้ไปดูคอนเสิร์ต ฉันและเพื่อนยังคงอารมณ์ค้างและพูดกันถึงบทเพลงที่กลับมาได้ยินอีกครั้ง เราขุดเรื่องเก่าๆ มาคุยกัน เช่นการโทรเข้าไปตามสถานีวิทยุเพื่อคุยกับศิลปิน หรือการเขียนจดหมายลมๆ แล้งๆ หวังไปวันๆ ว่าศิลปินคนนั้นจะเขียนตอบมาบ้าง

สำหรับฉัน การได้ไปอยู่ในคอนเสิร์ต Raptor 2011 ครั้งนี้ เป็นสิ่งย้ำเตือนและบอกกับตัวฉันเองว่า เราโตขึ้นมากแล้ว เราทุกคนเติบโตและเดินทางมาไกลนับจากวันที่เราเป็นเด็ก เราเรียกเวลากลับคืนมาไม่ได้ แต่เราเรียกเสียงเพลงที่เราเคยฟังเมื่อวันก่อนกลับมาได้ เพียงแค่คิดถึงมัน

ฉันว่า ... จริงๆ แล้วเราไม่ได้คิดถึง Raptor หรอก แต่เราคิดถึงช่วงเวลาที่เราฟังเพลงของ Raptor ต่างหาก