Kiseki (I Wish): ความหวังและปาฏิหาริย์
I Wish (奇跡), 2011 (A)
Director: Hirokazu Koreeda
เหมือนได้ดู Nobody Knows ในเวอร์ชั่นที่ไม่ชวนหดหู่เกินไป หมายถึงว่า I Wish มีทั้งด้านที่สดใสและชวนเศร้าไปพร้อมๆ กัน ซึ่งฉันว่ามันก็เป็นข้อเด่นของหนังโคเรเอดะนั่นล่ะ เด็กๆ ในเรื่องใช้ชีวิตตามวัยประถมที่สดใสอย่างที่เป็น แต่รายละเอียดที่เพิ่มเติมมาคือความเจ็บปวดและแผลเป็นบางอย่างที่เด็กๆ เองก็ได้รับผลกระทบมาจากพ่อแม่ ครอบครัว สิ่งที่รัก สัตว์เลี้ยง หรือกระทั่งจากตัวเอง ทางออกที่สมวัยเท่าที่พวกเขาสามารถทำได้ ก็คือการเลือกแก้ไขปัญหานั้นด้วยความหวังให้เกิดปาฏิหาริย์ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าขับขัน น่าหัวเราะเยาะแต่ประการใด เพราะฉันเชื่อว่า แม้แต่ผู้ใหญ่เอง ช่วงเวลาที่เราหวังจะให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจะเกิดขึ้นในขณะเดียวกับเวลาที่เราใกล้จะหมดความหวังที่สุดเช่นกัน
โคเรเอดะยังคงเป็นผู้กำกับที่กำกับเด็กได้ดีที่สุดคนนึง ส่วนหนึ่งคืออาจจะได้ตัวช่วยเป็นเจ้าเด็กพี่น้องตระกูลมาเอดะที่มาเล่นเป็นพี่น้องกันจริงๆ ในเรื่อง เช่นเดียวกับ Nobody Knows คือผู้ชมเหมือนกำลังแอบดูชีวิตของเด็กเหล่านี้ ต่างกันนิดหน่อยตรงนี้ I Wish มีความเป็นหนังประดิษฐ์มากกว่า ดูง่ายกว่า และให้ความบันเทิงมากกว่า
ช่วงไคลแมกซ์ทำได้ดีมากจนทำให้ฉันผู้ที่แอบสัปหงกเบาๆ ในช่วงต้น ต้องร้องไห้เป็นชะนีเสียสาว แต่น้ำตาของฉันกินเวลาไม่นาน เมื่อเรื่องราวคลี่คลาย เด็กๆ โบกมือลาเนินสูงแห่งนั้นและแยกย้ายกันกลับไปใช้ชีวิต เราเหมือนกลับไปแอบดูชีวิตพวกเขาต่อ เราได้เปรียบกว่าเพราะรู้ว่าพวกเขาอธิษฐานถึงอะไร และเราก็รู้ดีว่า บางอย่างนั้นไม่อาจเกิดขึ้นจริงได้เลย
ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ฉันเชื่ออย่างนั้นล่ะ
*ชอบเพลงทั้งหมดในเรื่อง เหมือนที่เคยชอบเสียงกีต้าร์ของ Gontiti ใน Nobody Knows ชอบที่สุดคือเพลงในฉากที่เด็กๆ ขึ้นรถไฟ ขออนุญาตหาโหลด ณ บัดนาว
**ฉาก Montage ที่ใช้ในช่วงไคลแม็กซ์มาได้ถูกที่ถูกเวลาและน่าจดจำมาก มีคนเอาคลิปมาลงไว้ด้วย ถ้าไม่กลัวโดนสปอยล์ก็ดูได้นะ