Nerd Camp: ผมไม่เนิร์ดนะครับ!
Nerd Camp (2011, Elissa Brent Weissman)
เออ มันเป็นหนังสือสำหรับเด็กสิบขวบ...
Gabe
เด็กชายวัยสิบขวบที่เนิร์ดและรู้ว่าตัวเองเนิร์ดซะด้วย
ความน่าตื่นเต้นที่จะเกิดขึ้นในปิดเทอมฤดูร้อนนี้คือการที่เก๊บถูกตอบรับให้เข้าร่วมค่ายฤดูร้อนสำหรับเด็กเก่งขั้นเทพ
(หรือจะเรียกอีกอย่างว่าค่ายเด็กเนิร์ดนั่นแล) เก๊บอยู่กับแม่
ส่วนพ่อนั้นกำลังจะแต่งงานใหม่ ซึ่งจะทำให้เก๊บมีพี่น้องขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
เก๊บได้พบกับ Zack น้องชายที่อายุเท่ากัน
ก่อนที่จะไปค่ายไม่กี่วัน แซคเป็นเด็กชายที่มีโทรศัพท์มือถือใช้ (แต่เก๊บไม่มี) แซคพูดจาด้วยศัพท์แสงวัยรุ่นสุดๆ
(ซึ่งเก๊บไม่ทำ) และแซคยังสะกดคำไม่ค่อยจะถูกเลย (ซึ่งเก๊บนี่ล้ำไปถึงระดับเขียนบทกวีแล้ว)
เพราะไม่เคยมีพี่น้อง เพราะตื่นเต้นกับการจะมีเพื่อนใหม่
เก๊บเลยไม่อยากให้แซครู้สึกว่าเขาเป็นเด็กเรียน เป็นพวกตัวประหลาด ดูไม่เท่ไม่คูล
เก๊บเรื่องการไปค่ายเสริมศักยภาพเด็กเรียนเอาไว้เป็นความลับ และปล่อยให้แซครู้เพียงว่า
เขาไปเข้าค่ายฤดูร้อนธรรมดาๆ ค่ายหนึ่งเท่านั้นเอง
เรื่องที่เหลือก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดในค่าย SCGE (Summer Center for Gifted Enrichment หรือในอีกทางนึงก็คือ Smart Camp for Geeks and Eggheads!) ที่ซึ่งเก๊บมีเพื่อนร่วมห้องคือ Wesley เด็กตี๋แว่นแซ่ฟาน
และ Nikhil ผู้มีเชื้ออินเดีย ... ใช่
พอมันเป็นเรื่องเนิร์ดๆ มันก็ต้องเดินเรื่องด้วยกลุ่มเด็ก Asian นี่แหละ … ในค่าย เก๊บเลือกเรียนสองวิชาหลัก
คือโลจิก และการเขียนบทกวี เก๊บตั้งคำถามทางตรรกวิทยาเอาไว้เมื่อเริ่มค่าย ว่า “นี่ฉันเป็นเด็กเนิร์ดที่ชาตินี้ก็จะมีแต่ประสบการณ์เนิร์ดๆ
ใช่หรือไม่” สมมติฐานคำตอบของเขาคือ “ไม่” แล้วในทุกๆ วัน เขาก็จะบันทึกข้อพิสูจน์เพื่อตอบสมมติฐานนั้น
แบ่งออกเป็นสองฝั่ง คือฝั่งที่ดูน่าสนุก (และเท่าให้แซคฟังได้) กับฝั่งที่เนิร์ดๆ
(และจะให้แซครู้ไม่ได้)
และเราก็จะเฝ้าดูการค้นหาคำตอบของเด็กชายเก๊บไปจนวันที่เขาเดินออกจากค่าย
Nerd
Camp เป็นหนังสือเด็ก ที่เล่าเรื่องอย่างง่าย ภาษาไม่ซับซ้อน
แต่ก็สนุกและขำขี้แตกในบางที แต่มันก็เป็นความตลกที่สะอาด
(ก็แน่สิมันเป็นหนังสือเด็ก!) เป็นมุมที่เราจะขำอยู่แล้วถ้าได้ดูได้อ่านอะไรเกี่ยวกับตัวละคร
และกิจกรรมเนิร์ดๆ เช่นไอ้ตี๋เวสลีย์ ผู้ที่สามารถไขปัญญาร้อยแปดพันประการได้ในยามหลับ
ดังนั้นถ้าเขาหรือเพื่อนสงสัยอะไรและหาคำตอบไม่ได้ ทุกคนก็จะรอให้เวสลีย์หลับและรอฟังการละเมอมาตอบของเขา
(ฮะ!?!), C2 รุ่นพี่เนิร์ดที่ถือเป็นไอดอลของชาวค่าย
ผู้เปิดห้องวิจัยลับๆ เพื่อทำการศึกษาชีวิตเหา
อันเป็นต้นเหตุให้ชาวค่ายเผชิญสภาวะเหาระบายอยู่หลายวัน, กิจกรรมมันส์ๆ
ของเด็กเนิร์ดคือการร้องเพลงคาราโอเกะ ในเพลงที่มีชื่อของทุกประเทศทั่วโลกอยู่ในเพลงนั้น
และอีกอย่างอันเป็นที่ฮิตกันก็คือ การท่องตัวเลขหลังจุดทศนิยมของค่าพาย! นี่มันที่รวมตัวอ่อนเนิร์ดชัดๆ
มันเป็น Coming
of age ที่เอาใจใส่เด็กเนิร์ดเป็นพิเศษ เช่นเก๊บในวัยสิบขวบ
เขากำลังจะเป็นวัยรุ่น
เขากำลังตั้งคำถามเรื่องการเคารพในความเป็นตัวเอง เขาเรียนเก่ง เหนือกว่าเพื่อนๆ
แต่นั่นก็ทำให้เขามีเพื่อนอยู่แค่กลุ่มคนเนิร์ดๆ ด้วยกัน
เขาอยากได้การยอมรับจากเด็กธรรมดาๆ อย่างแซค
แต่เขาก็มีความสุขและรู้สึกเป็นตัวเองมากเมื่อได้อยู่ท่ามกลางคนประเภทเดียวกันในค่ายเด็กเนิร์ด
มีบางตอนในหนังสือที่พูดเอาไว้สั้นๆ เรื่องเด็กเนิร์ดถูก Bully ในโรงเรียน โดนล้อ โดนแซว และดันให้พวกเขาเป็น “เด็กอีกกลุ่มหนึ่ง”
ที่ไม่อาจกลมกลืนกับใครได้ หนังสือเล่มนี้พยายามจะทำให้คนอื่นเข้าใจเด็กเนิร์ด
และทำให้เด็กเนิร์ดเข้าใจ ภูมิใจ และมั่นใจในความเนิร์ดของตัวเอง ยัย Elissa
ผู้เขียนเองก็เป็นครูสอนอยู่ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเก่ง (แปลได้เลวมาก
จริงๆ มันคือ John Hopkins University Center for Talented Youth) เธอเขียนเรื่องนี้โดยได้แรงบันดาลใจจากเด็กๆ ที่เธอคลุกคลีทุกวัน
บ่อยครั้งที่ความฉลาดเนิร์ดๆ สร้างเรื่องประหลาดใจให้เธอ
จนมันกลายมาเป็นหนังสือเล่มนี้
เราไม่ได้มีปัญหาแบบใครในเรื่องเลย
แต่ที่เลือกจะอ่านเพราะว่าเราชอบและใฝ่ฝันจะไปเข้าค่ายฤดูร้อนแบบนี้มาตั้งแต่นมยังไม่แตกพาน
ที่จำได้แม่นๆ คือความก๋ากั่นของนาง Lindsay Lohan ในค่ายชะนีฤดูร้อนใน
The Parent Trap เป็นภาพจำสุดๆ
และรู้สึกอิจฉาเด็กเมกันมากที่มีกิจกรรมอะไรแบบนี้
ดังนั้นถ้ามีหนังอะไรที่ว่าด้วยค่ายแบบนี้ (ขนาด American Pie Band Camp ที่ว่าห่วยๆ ยังดูเลยเอ้า) ก็จะมีฉันเสพติดพวกมันอยู่เสมอ
และได้ข่าวว่าหนังสือก็กำลังจะมีภาคต่อ Nerd Camp 2.0 ก็คงจะต้องหามาอ่านในกาลต่อไป
แบบนี้เรียกว่าเนิร์ดใช่มั้ย...ใช่!
0 comments: