ตุ๊กแกรักแป้งมาก
ตุ๊กแกรักแป้งมาก(2014, ยุทธเลิศ สิปปภาค, B+)
รู้สึกผิดขึ้นมาเลยที่เคยพูดว่า หนังห่าอะไรวะชื่อตุ๊กแกรักแป้งมาก เออ แต่คือชื่อมันก็ห่าเหวจริงๆ เป็นชื่อที่คุณภาพระดับหนังแผ่นวีซีดี ต้องโดนก๊อปอีกทีนะเราถึงจะซื้อมาดู หน้าหนังและทุกสิ่งเอื้ออำนวยต่อการหลีกเลี่ยงไปซื้อตั๋วเป็นอย่างยิ่ง จึงไม่น่าแปลกใจถ้ามันจะไม่มีคนดู และร้องยี้ตั้งแต่ยังไม่ทันดูเทรลเลอร์
แต่พอรู้ว่ามันเป็นหนังของคุณยุทธเลิศ ก็ปรับความคิดมานิดนึง บวกกับได้อ่านข้อเขียนถึงหนังของอาจารย์ประวิทย์ แต่งอักษร เลยคิดว่าคงต้องไปดู พยายามลืมหน้าหนังอันซังกะบ๊วยทิ้งไปให้หมด แล้วเปิดโอกาสให้หนังมันได้พิสูจน์ตัวเอง
ตุ๊กแกรักแป้งมาก (คือพิมพ์ชื่อไปก็เขินไป) เป็นหนังรักแบบจะว่าน้ำเน่าก็ได้แหละ พลอทมันไม่ได้แปลกใหม่ มีกลิ่นไอแห่งการระลึกอดีตอันสวยงามไม่ต่างจากตอนดูแฟนฉัน จริงๆ จุดเริ่มต้นของสองเรื่องนี้คล้ายๆ กันนะ คือมันเป็นเรื่องจริงในวัยเด็กแล้วถูกเอามาทำเป็นหนัง ในขณะที่แฟนฉันพาเรากลับไปดูอดีตแบบที่คนในรุ่นนั้นรู้สึกร่วมกัน เป็นอดีตสาธารณะ มาเร็วทุกคนมาฟีลกู้ดนอลตัลเจียกันดีกว่า และลดความเป็นเรื่องส่วนตัวของผู้เป็นเจ้าของเรื่องไป แต่ตุ๊กแกรักแป้งมากพาเราไปดูอดีตส่วนตัวของคุณยุทธเลิศ ไม่ได้จะพยายามจะเอาทุกกิมมิคในยุคสมัยนั้นมาเล่น แต่เน้นไปที่ความสัมพันธ์ของตัวละครหลักทั้งสอง คือ ตุ๊กแก และ แป้ง ซึ่ง ณ ขณะดู เราก็จะมีภาพซ้อนของยุทธเลิศ และ แป้ง (ที่คิดว่าเป็นคุณเข็มรึเปล่าก็ไม่ทราบ) ขึ้นมาทาบทับภาพที่เห็นบนจออีกชั้นนึง และแปลกดีที่หนังมันก็เล่าแบบนั้นเหมือนกัน คือไอ้เด็กน้องแม็คมันก็กลายมาเป็นดาราในหนังของตุ๊กแกอีกทีนั่นแหละ
และถึงแม้มันจะเป็นอดีตส่วนตัว เป็นเรื่องที่เราไม่ต้องรู้ก็ได้ แต่แปลกดีที่เราอยู่กับหนังได้ตลอด และอินมากกว่าที่คิดด้วยซ้ำ ส่วนที่เป็นหนังรักแม้มันจะซ้ำ เชย และมีความเป็นสูตรอยู่พอสมควร แต่เราไม่ได้รู้สึกแย่กับมันขนาดนั้นน่ะ คือเรายังเอาใจช่วยตัวละครอยู่ และปริ่มเปรมใจเมื่อในสุดท้ายเรื่องมันลงเอยด้วยดี แต่ส่วนที่เราว่ามันพยุงหนังเอาไว้คือเรื่องของตุ๊กแก กับความฝันที่จะเป็นผู้กำกับของเขามากกว่า มันแข็งแรงมากจนเรารู้สึกว่า เออตุ๊กแกรักแป้งมากก็จริงนะ แต่ตุ๊กแกก็รักหนังมากเหมือนกันว่ะ
แปลกดีที่เราร้องไห้เยอะเลยตอนท้าย ทั้งๆ ที่หนังมันลงเอยด้วยดี เวรี่ฟีลกู้ด แต่เรารู้สึกว่ามันเป็นความฟีลกู้ดที่ไม่มีอยู่จริงน่ะ คือมันจะฟีลกู้ดได้ก็เฉพาะในหนังเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่ผู้เขียน/ผู้ทำ อยากให้มันเป็น ตุ๊กแกและแป้งคือทางออกที่ในความเป็นจริงไม่อาจมีวันนั้นได้ โรงหนังเก่าแก่ของลุงโอ่ง อาจมีชะตากรรมคล้ายโรงหนัง Stand Alone ที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรือง แต่ทุกวันนี้ทยอยกันล้มหายตายจากไปหมดแล้ว คือเราเซอร์ไพรส์มากที่ตุ๊กแกกลับไปแล้วลุงโอ่งแกยังนั่งรออยู่ และโรงหนังของแกยังมีชีวิต และดูเหมือนว่ากระแสการบริโภคโรงหนังแบบซินีเพล็กซ์ไม่ได้ทำร้ายแกเท่าไหร่ มันเหมือนเป็นยูโทเปียของยุทธเลิศไปแล้ว แต่กลายเป็นว่าเราเศร้าจนร้องไห้ไปเลย
ที่เหลือจากนั้นในตุ๊กแกรักแป้งมากส่งผลกับเราในระดับเดียวกับที่แฟนฉันเคยทำ เราเกิดไม่ทันยุคนั้นซักเรื่อง แต่ก็คุ้นเคยกับองค์ประกอบทั้งหลายที่หนังใส่เข้ามา จะว่าไปเราโตมากับหนังของคนยุคนั้นว่ะแฮะ พวกผู้กำกับรุ่นนี้ก็คือคนที่จะผ่านวัยเด็กยุค 80 ต่อ 90 และยังมีร่องรอยเบาๆ ของ 70 เพลงหรือหนังในยุคโน้น เราจะคุ้ยเคยกับมันในเวอร์ชั่นรีเมคไปแล้ว อย่างวัยอลวน, ซึมฯ, น้ำพุ, ดิ อินโนเซนท์, แมคอินทอช ฯลฯ เรารู้จักแต่ไม่ได้โตมากับมันเลย จึงกลายเป็นอารมณ์ร่วมแบบไม่สุด เพราะเราไม่มีประสบการณ์ตรงกับความออริจินอลตรงนั้น อีกซักสิบยี่สิบปี ถ้ายังมีคนทำหนังนอสตัลเจียกันอยู่ เราคงจะได้รู้สึกจริงๆ ซักทีว่าเราก็เคยครอบครองยุคสมัยนึงกับเขาบ้างเหมือนกัน
0 comments: