The Real Alaska อลาสก้าล้านเปอร์เซ็นต์
The Real Alaska อลาสก้าล้านเปอร์เซ็นต์(2557, ธนชาติ ศิริภัทราชัย, สำนักพิมพ์แซลมอน)
ธนชาติไปเที่ยว...
ช่างน่าน้อยใจที่ธนชาติคิดจะหลบความร้อนสัสที่เมืองนิวยอร์ค เมืองหลวงแห่งความคูล ขึ้นไปอยู่ในที่หนาวอย่างอลาสก้า โดยมองข้ามดอยสะเก็ด ดอยอ่างขาง และดอยหมึงที่บ้านเกิดเมืองนอนอย่างไร้เยื่อใย หัวใจของเบ๊นช่างเยือกเย็นยิ่งกว่าภูเขาน้ำแข็งลูกไหน ขอรณรงค์ให้สมาคมคนรักการกางเตนท์บนดอยสะเก็ดออกมาประท้วงให้เป็นเรื่องเป็นราว
ปกติถ้าเราจะไม่ค่อยได้อ่านหนังสือบันทึกการเดินทางเท่าไหร่ ถ้ามันไม่ใช่ที่ที่เราสนใจจะไปอยู่แล้ว เพราะกลัวว่าอ่านแล้วจะเกิดความอยาก แต่ไปไม่ได้ จากนั้นก็จะทุรนทุราย น้ำลายฟูมปาก เดือดร้อนครอบครัวต้องหามส่งสถานบำบัด จึงตัดปัญหาด้วยการไม่อ่านแม่งซะเลย อลาสก้านี่ก็เช่นกัน เรารู้จักและสนใจอลาสก้าพอๆ กับที่รู้จักพี่เทิดลูกคนที่สามของลุงทุมเพื่อนพ่อ กล่าวคือ รู้ว่าคือใคร อยู่ที่ไหน แต่ไม่รู้ไปมากกว่านั้น ไม่ได้สนใจเป็นการพิเศษอะไรเลย
ก็เลยไม่ได้อ่าน จบค่ะ.
...................
ซะที่ไหนเล่า... อ่านแบบรวดเดียวจบ เหมือนตอนที่อ่าน New York 1st Time นั่นแหละ
อลาสก้าล้านเปอร์เซ็นต์เป็นบันทึกการเดินทางขนาด 15 วัน ของธนชาติและเพื่อนที่อลาสก้า ไม่ต้องยืดเยื้อเสียเวลาว่าเช็คอินออกจากสนามบินที่นิวยอร์คอย่างไร อาหารบนเครื่องเขาเสิร์ฟอะไร คือมึงเปิดเรื่องมาก็อยู่บนแท็กซี่ที่อลาสก้าแล้ว จึงไม่อาจจัดให้หนังสือเล่มนี้เป็นคู่มือนำเที่ยวได้ เป็นเรื่องเล่าความชิบหายทั้งหลายแหล่ที่เกิดขึ้นแต่ตัวนายธนชาติ และพาลเดือดร้อนไปยังเพื่อนสาวร่วมทริปแบบนั้นน่าจะเหมาะกว่า
ส่วนจะชิบหายอย่างไรนั้นคงต้องไปอ่านกันเอาเอง ...
ความทีเล่นทีจริงถือเป็นยีนเด่นของธนชาติ คือเราไม่อาจเชื่อถืออะไรที่มันเขียนได้เลยจนกว่าจะจบย่อหน้าที่สาม ถ้ามันยังไม่เบรคตัวเองแสดงว่าที่อ่านผ่านๆ มานั่นเรื่องจริงแล้วล่ะ แต่ชั้นเชิงการหักมุมของธนชาติแอดวานซ์ขึ้นไปกว่าแต่ก่อน จนหลอกให้ผู้อ่านกินอ้อยไปหลายที โดนเข้าหลายๆ ทีก็เริ่มอยากจะเอาเชนไดรท์ไปฉีดใส่หน้ามัน แล้วบอกว่า อีสัส! มึงเล่าเรื่องจริงมาเถอะ
ในเล่มแม้จะมีภาพประกอบเยอะมาก (และทุกภาพสวยมาก) แต่จินตนาการต่อแต่ละฉากในอลาสก้าในหัวเรานั้นทำไมมันคล้ายๆ ภูเขาแถวระนองเลยวะ คือสลัดภาพป่าดิบชื้นทางตอนใต้ของไทยไม่ได้ รู้สึกขาดอรรถรสไปเยอะ ต้องนั่งจ้องภาพอลาสก้าอยู่นานจนเบลอ เออ ระนองก็ระนอง อย่างน้อยก็รีเลทหน่อย จึงเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงใส่ภาพมาให้เยอะขนาดนี้ เพราะอลาสก้ามันไม่ได้เห็นบ่อยเหมือนเกาะนามิ หรือชินจูกุ เราต้องใช้พลังมโนสูงมากในการนึกภาพให้ออก แต่หนังสือมันก็พยายามช่วยเราแหละ เพราะพอเปิดหน้าต่อไป อลาสก้าก็มารอที่อีกหน้ากระดาษแล้ว
มีสิ่งที่รู้สึกต่างจากตอน New York 1st Time อยู่อย่างนึง คือตอนนั้นมันเป็นคนไทยที่ไปใช้ชีวิตและเอาตัวรอดอยู่ที่นิวยอร์ค ยังคิดว่ามันอยู่บ้านเดียวกับเราอยู่ แต่กับ The Real Alaska เบ๊นในตอนนี้เป็นคนนิวยอร์คที่ไปเอาตัวรอดในอลาสก้าอีกที มันต่างกันนะ ถ้าเอาเบ๊นที่บินตรงจากไทยมาเล่าเรื่องเดียวกัน อาจจะได้ออกมาเป็นอีกแบบก็ได้
การเดินทางที่ดีคือการไม่อยู่กับตัวเองมากไป และเปิดใจพบเพื่อนใหม่ และเดินออกนอกเส้นทางบ้าง ซึ่งธนชาติได้ทำไว้ครบแล้วในการเดินทางครั้งนี้ น่าอิจฉามันที่ได้เจอคนดีๆ แปลกๆ คาแรกเตอร์จัดๆ เต็มทริปไปหมด และที่น่าอิจฉากว่าคือตัวละครที่อลาสก้าเหล่านั้นที่ได้อยู่ในที่ที่น่าอิจฉา ได้เป็นตัวเองอยู่ในเมืองที่มีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับทั้งคนและหมี มีภูเขาให้ดูเล่นแทนตึกสูง ท่าทางจะมีความสุขโดยไม่ต้องมีใครมาคืนให้
ช่างดีจริงๆ...
ปล. ธนชาติมีความหมกมุ่นกับไข่ตัวเองเป็นพิเศษ ถึงขนาดที่พูดถึงซ้ำๆ มากกว่าหกครั้งในหนังสือเล่มเดียว เล่มหน้าเขียนเรื่องไข่มึงเลยเถอะ
คือถ้ามันเขียนเรื่องไข่ แล้วใครจะอ่าน กูมีไข่ของกูเองอยู่แล้ว
ReplyDeleteเห็นใจคนไม่มีไข่ด้วยค่ะ
Deleteฮาดีค่ะ
ReplyDelete:)
Delete:)
ReplyDeleteThis comment has been removed by the author.
ReplyDelete