JP14 EP.5: Gakkou - โรงเรียน
5.学校
GAKKOU โรงเรียน
การไปโรงเรียนเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อยากทำเมื่อมาญี่ปุ่น เพราะร้อยละสี่สิบของหนังและซีรี่ส์ที่เคยดู มันจะต้องเกิดขึ้นในโรงเรียน และโรงเรียนในญี่ปุ่นเองก็มีคาแรกเตอร์ของมัน ระเบียงไม้ที่จะมีแสงลอดเข้ามาตอนเย็นเป็นภาพในฝันที่อยากจะเห็นของจริงมากๆ แต่โรงเรียนไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว จะเดินท่อมๆ เข้าไปยามคงยิงลูกดอกใส่หน้า แล้วบอกว่ากลับบ้านไปดูละครไปน้องเอ๊ย
แต่พอหาข้อมูลไปๆ มาๆ กลายเป็นว่า มันมีโรงเรียนที่เปิดให้เราเข้าไปเที่ยวว่ะ...
Toyosato Elementary School เป็นโรงเรียนประถมในเมืองโทโยซาโตะ (Toyosato) จังหวัดชิงะ ห่างจากฮิโคเนะไปไม่กี่สถานี (แต่ต้องเปลี่ยนเป็นรถไฟสาย Ohmi) เททสึจิโร ฟุรุคาวา (Tetsujiro Furukawa) ได้มอบเงินสำหรับปรับปรุงโรงเรียน และสร้างตึกใหม่ โดยพาสถาปนิกอเมริกัน William Merrell Vories มาออกแบบให้จนอาคารเรียนใหม่แล้วเสร็จในปี 1937 และก็กลายเป็นแลนด์มาร์คนึงของเมืองเล็กๆ แห่งนี้
ต่อมาในปี 2004 โรงเรียนก็ได้ย้ายไปใช้ตึกใหม่ที่อยู่อีกฝั่งนึงของสนามแทน เนื่องจากอาคารเดิมนั้นเก่าลงไปมาก และชาวเมืองก็ร่วมมือกันในการที่จะเก็บตึกเก่านี้เอาไว้ในฐานะสิ่งก่อสร้างสำคัญของเมือง
แต่โรงเรียนนี้จะธรรมดามาก จนกระทั่งปี 2009 เกียวโตอนิเมชันได้ปล่อยอนิเมะเรื่อง "K-ON! ก๊วนดนตรีแป๋วแหวว" ออกฉาย โดยใช้โรงเรียนประถม Toyosato เป็นต้นแบบของโรงเรียนมัธยมซากุระงาโอกะ (Sakuragaoka) ที่สาวๆ เคองเรียนกันอยู่ และอนิเมะเรื่องนี้ดังเป็นพลุแตก มีแฟนเดนตายกระจายตัวกันตามซอกตึกใหญ่ทั่วทุกมุมโลก เลยทำให้โรงเรียนประถมในเเมืองเล็กๆ แห่งนี้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่าสาวกจะต้องมาสักการะบูชาซักครั้งในชีวิต
มีการบันทึกเอาไว้ว่า ช่วงปี 2009 - 2010 มีแฟนอนิเมะมาเที่ยวชมโรงเรียนนี้มากกว่า 40,000 คนเลยทีเดียว
แล้วดิชั้นมาทำอะไรที่นี่...
เนื่องจากไม่ได้เป็นแฟนอนิเมะเรื่องนี้แต่อย่างใด เคยดูซีซันแรกไปสี่ห้าตอนแล้วก็ไม่ได้ติดตามต่อ จึงไม่ได้อินอะไรมาก แต่เหตุผลที่เรามาก็ตามที่ว่าเอาไว้ข้างบนนั่นแหละว่า จะไปหาโรงเรียนที่เปิดให้เราเข้าไปเที่ยวได้ง่ายๆ ในญี่ปุ่นเสียเมื่อไหร่ แถมยังพอจะอยู่ในเส้นทาง พนิตชนกจึงเดินเข้าโรงเรียนนี้ด้วยจุดหมายในใจไม่เหมือนใครในที่นั้นเลย
มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมโรงเรียนในวันนั้นไม่เยอะมาก มีเราผู้ไม่อิน, คุณตาคุณยายชาวญี่ปุ่นที่พาหลานสาวมาเที่ยว, คุณพี่โอตาคุสองคนที่ขึ้นรถไฟมาพร้อมเรา และเราก็อาศัยเดินตามพี่เค้าเพราะมั่นใจมากว่าพี่เค้าต้องมาที่นี่, คู่รักฝรั่งที่ให้เพื่อนชาวญี่ปุ่นขับรถพามาที่นี่เพราะแกเป็นแฟนพันธุ์แท้, และแก๊งค์คุณลุงที่คอสเพลย์เป็นสาวๆ เคองกันมาแบบครบเครื่อง ยืนถ่ายรูปกันคึกคักมากอยู่ที่สนามหน้าตึก เราเลยไปขอแกถ่ายรูป ถ่ายเสร็จเราบอกแกไปว่า "น่ารักมากๆ เลย ดีจังเลยนะคะ" คุณลุงขอบคุณเราใหญ่เลย
เข้าไปด้านในตัวตึก ก็จะต้องเปลี่ยนรองเท้าก่อน อาจจะไม่เหมือนรองเท้าที่เด็กนักเรียนญี่ปุ่นใส่ แต่ก็ฟินไปเลเวลหนึ่ง ยิ่งพอเดินเข้าไปแล้วเจอระเบียงแสงลอดหน้าต่างในฝันนี่คือล้มตัวลงคุกเข่าตรงนั้นเลย โอยยย โรงเรียนญี่ปุ่น พี่ได้เข้ามาแล้ว
พอลองเทียบกับรีวิวเก่าๆ ที่มีคนเคยไปโรงเรียนนี้และถ่ายรูปกลับมา โรงเรียนที่เราเห็นทรุดโทรมลงไปเยอะ คิดว่าคงมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมน้อยลง หลายๆ ห้องที่เคยเปิด และตกแต่งอย่างเต็มที่ก็ปิดล็อคกุญแจไปแล้ว บรรยากาศมันเลยแห้งแล้งชอบกลสำหรับแฟนอนิเมะ แต่ยังดีที่ห้องชั้นบนสุดยังดิสเพลย์โต๊ะจิบน้ำชายามบ่ายเอาไว้เหมือนเดิม คำว่า けいおん! (เค-อง!) ก็ยังอยู่บนกระดานดำหน้าห้อง เป็นแลนด์มาร์คที่ใครๆ ก็ต้องมาถ่ายรูปด้วย
เราเดินชมทุกห้อง ชมแม่งทั้งๆ ที่ล็อคไว้นั่นแหละ จนพอใจ โชคดีที่ตอนนั้นประมาณ 4 โมงเย็น เป็น Magic Hour ของแดดญี่ปุ่นที่พีคเต็มที่ สาดลอดช่องหน้าต่างเข้ามาเหมือนภาพในหนังที่เคยดูไม่มีผิด (มึงจะพูดเรื่องอีแสงนี่อีกกี่รอบ หาาาาา) อ้อยอิ่งอยู่พอสมควรจึงบ๊ายบายโรงเรียนนี้ ได้เวลากลับเข้าเมือง รื่นรมย์แสงสีของประเทศที่เจริญแล้วเสียที
โรงเรียนอยู่ห่างจากสถานี Toyosato ประมาณ 15-20 นาทีด้วยการเดินเท้า และยังไม่เห็นวิธีการอื่นที่จะไปถึงโรงเรียนได้ (อ้อ เห็นมีแท็กซี่จอดรอรับที่หน้าสถานี 1 คันถ้วน) ระหว่างทางเดินก็เที่ยวชมเมืองไปด้วย และพบว่า ม..ม..ม..ไม่มีคน เงียบร้างอ้างว้างมาก นี่เมื่อสี่ห้าปีก่อนมีคนเที่ยวที่นี้ปีละสี่หมื่นคนจริงอ่ะ ที่นับได้ตอนนี้ยังไม่ถึงสี่คนเลย
สมัยก่อน Toyosato เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางนาคาเซนโดะ (Nakasendo) ที่เชื่อมระหว่างเกียวโตและเอโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน) พวกพ่อค้าและนักเดินทางเลยมักจะใช้เมืองนี้เป็นจุดแวะพัก จึงคงจะพอมีแขกบ้านแขกเมืองแวะเวียนเข้ามาที่เมืองนี้บ้างพอสมควร ให้อารมณ์เหมือนคนแวะนอนแถวชุมพรก่อนจะขับเข้าหาดใหญ่อะไรทำนองนั้น คนที่นี่ทำนาปลูกข้าว ปลูกผัก ระหว่างทางเดินก็จะเจอแปลงเกษตรเต็มไปหมด
นั่งรอเกือบสิบนาทีได้รถไฟก็มา ขึ้นรถมาพร้อมๆ กับน้องนักเรียนที่แบกกระเป๋ากีฬากันมาใบใหญ่ทุกคน เหมือนเข้าไปนั่งอยู่ในการ์ตูนของอาจารย์อาดาจิ มิทสึรุ (Adachi Mitsuru) บนรถไฟก็คึกคักเพราะมีแต่เด็กนักเรียนวัยฮอร์โมน หนุ่มชานเมืองนี่หน้าตาจิ้มลิ้มใช้ได้ ทำเอาพี่สาวจากต่างแดนหัวใจคึกคักมากเลค่ะ
พอละกับทริปชานเมือง จากนี้จะมุ่งสู่แสงสีแห่งกรุงโอซาก้า เจอกันตอนหน้า สวัสดีค่ะ.
0 comments: