JP14 EP.8: BASU - รถเมล์
8.バス
BASU รถเมล์
หลังจากเดินสำรวจย่าน Arashiyama จนพอใจ ได้ถ่ายรูปมุมนักท่องเที่ยวบนสะพาน Togetsukyo (渡月橋) เป็นที่เรียบร้อย แถมได้ควงแขนลุงแถวนั้นถ่ายรูปด้วย (เรายื่นกล้องให้คุณป้าคนนึงถ่ายรูปให้ พอป้าจะกดถ่าย ลุงก็ยืนหน้าแหลมเข้ามาในเฟรมรูปเรา ป้าโบกมือไล่ลุง ชิ่วๆๆ เราเลยหันไปบอก มาลุง มาถ่ายด้วยกัน ... แชะ ได้รูปคู่แล้ว) ก็คิดว่าน่าจะพอแล้วสำหรับแถวนี้ ไปเที่ยวที่อื่นต่อดีกว่า
แล้วจะไปยังไงดี...
เท่าที่หาข้อมูลมา จากตรงนี้เราสามารถนั่งรถเมล์ไปสถานที่เที่ยวสำคัญๆ ได้ หาข้อมูลมาแล้วด้วยว่าต้องขึ้นสายไหน เตรียมเงินเอาไว้ดิบดีเพราะกะว่าจะซื้อบัตร Day Pass ขึ้นรถเมล์ในเมืองเกียวโตได้แบบไม่อั้น ยืนรอที่ป้ายอยู่นานมากสายที่เราจะขึ้นก็ไม่มาซักที เลยลองถามคนแถวนั้นดูว่า เราจะไปวัด Ginkakuji ต้องขึ้นสายอะไรไปคะพี่ ลุงป้าแถวนั้นก็ช่วยกันเต็มที่ สายนี้ไปได้มั้ยน้า เอ๊ะหรือว่าสายนั้น เหล่าคนโลคัลปรึกษากันไปมาประมาณห้าคน แกก็หันมาบอกเราว่า "หนูขึ้นรถรางไปสิ ฝั่งตรงข้ามนั่นน่ะ" อ้าวปัดโธ่ ถามกันตั้งนานให้กูขึ้นรถรางเฉยเลย
เราก็เลยใจง่ายไปถามที่สถานีรถรางรันเด็ง พนักงานเค้าก็อธิบายเส้นทางให้ว่าต้องลงสถานีไหน ต่อรถไฟที่สถานีไหน ซึ่งค่อนข้างหลายต่อ เพราะ Arashiyama กับวัด Ginkakuji นั้นอยู่กันคนละฝั่งเมือง เหมือนขับรถจากบางแคไปมีนบุรีอะไรแบบนั้น แต่สุดท้ายเราตัดสินใจไม่ขึ้นเพราะว่าค่ารถมันแพง และตั้งใจวว่าจะซื้อบัตรขึ้นรถเมล์เผื่อเดินทางไปที่อื่นๆ ด้วย ถ้ามาเปลี่ยนแผนขึ้นรถรางตรงนี้มันก็เปลืองตังน่ะสิ เลยเดินออกจากสถานีรถรางแบบหยิ่นงทนงในศักดิ์ศรี แต่ภาพจริงออกแนวคนโง่มากกว่า
พอออกมานอกสถานีปุ๊บ ก็เจอป้ายรถเมล์ ซึ่งพอถามคนแถวนั้นแล้ว อีป้ายนี้แหละที่นั่งรถเมล์สายที่มึงหาข้อมูลเอาไว้ไปวัดได้ ซึ่งป้ายนี้อยูตรงข้ามป้ายเดิมที่เรายืนรออยู่ราวๆ ครึ่งชั่วโมง น้ำตาแทบจะไหล กูเดินวนไปวนมาอยู่แถวนี้อยู่นานมาก สรุปแล้วเสียเวลาไปกับการรอรถเมล์เกือบชั่วโมงนึงเองค่ะ ถุย!
นั่งรถเมล์ออกจาก Arashiyama เลือกที่นั่งติดหน้าต่างจะได้สังเกตเมืองไปด้วย เมืองเกียวโตท่าทางน่ารักเป็นมิตรดี เห็นร้านคาเฟ่ และแกลเลอรีเต็มเมืองไปหมด เมืองดูเจริญแต่ตึกสองข้างทางท่าทางเก่าเหมือนคุณย่าคุณยายสุขภาพดี ยิ้มฟันหลอมาให้เรา เกียวโตสำหรับเราจึงเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ ท่าทางน่าเคารพ แต่ไม่น่ากลัวที่จะเข้าหาและนั่งพูดคุย
นั่งรถเมล์นานมากจนเมื่อยก้น ตาก็ยังมองไปข้างนอก จนรถติดอยู่บนสะพาน แล้วภาพข้างหน้าคือแม่น้ำแห้งๆ ที่สองฝั่งเป็นเนินสูงมีทิวแถวต้นไม้สีแดงสีเหลืองสลับกันโอบล้อม เฮ้ย สวย ที่นี่ที่ไหน กรี๊ด เหมือนในหนัง ทำไงดี เฮ้ย อย่าเพิ่งไฟเขียว ขอกูถ่ายรูปก่อน มะ มะ มะ ไม่ทันแล้ว รถออกแล้ว...
จึงตัดสินใจ ลงแม่งป้ายหน้า คนขับบอก คุณๆ ยังไม่ถึง Ginkakuji นะ เราเลยบอกว่า อ๋อ ไม่ไปแล้วค่ะ
ระหว่างทางที่เดินย้อนกลับมาถ่ายรูปตรงแม่น้ำดังกล่าว ก็ผ่านสิ่งก่อสร้างรูปทรงแบบญี่ปุ่นที่ใหญ่โตดูโอ่อ่ามาก มีคนยืนเฝ้าอยู่ข้างหน้าหลายคน แต่งตัวดูเป็นทางการเกินกว่าจะเป็นการรักษาความปลอดภัยทั่วไป เลยเดินย่องเข้าไปซอยข้างๆ สิ่งก่อสร้างนั้น ก็เจออีกหนึ่งทางเข้าใหญ่ ด้านในมีคุณลุงคุณป้าแต่งกายในชุดแบบญี่ปุ่นเต็มยศ ยืนเรียงเป็นแถวแยกเป็นสองฝั่ง หญิงฝั่งหนึ่ง ชายฝั่งหนึ่ง ตรงหน้าประตูใหญ่ทางเข้าตึก จะมีคุณป้าสองคนในชุดกิโมโนยืนอยู่ เหมือนทุกคนตรงนั้นจะรออะไรบางอย่าง
พอดีมีคุณพี่คนนึงเดินเข้าซอยที่เราอยู่มาพอดี เราเลยลองเนียมๆ ถามแกดูว่านี่เค้าทำอะไรกัน คุณพี่ได้ยินเช่นนั้นจึงตอบมาเป็นชุด จับเวิร์บไม่ได้ซักคำเลยค่ะ มีคำนึงแกบอก "ครั้งแรกสินะคะ" เฮ้ย ครั้งแรกอะไรวะ มาถ่ายรูปเฉยๆ ค่ะ กูต้องไปมีส่วนร่วมอะไรกับเขาด้วยเหรอ เลยถามแกบวกทำท่าไปด้วยว่า มาถ่ายรูปค่ะ ถ่ายได้มั้ย คุณพี่แกยิ้มละมุน และตอบอะไรซักอย่างที่ไม่น่าจะใช่คำตอบของคำถามว่าถ่ายรูปได้มั้ย แล้วแกก็เดินไป...
คำว่าครั้งแรกสินะคะนี่มันคาใจเรามาก เลยต้องยืนรออยู่ตรงนั้น เพราะอยากรู้เลยว่าครั้งแรกอะไรวะ จนซักพักนึงได้ยินเสียงผู้ชายที่เฝ้าหน้าประตูที่เราเดินผ่านมาเมื่อกี๊ตะโกนเสียงดัง แถวลุงป้ายืนเรียบร้อยขึ้นโดยอัตโนมัติ แล้วก็มีรถ Toyota Crown สีกรมท่าขรึมขับมาจอดที่ลานกว้างหน้าทางขึ้นประตูใหญ่ มีบุรุษใหญ่ท่านหนึ่งลงมาจากรถ ทุกคนก้มหัวให้ และมีคนออกไปกล่าวต้อนรับ ก่อนที่แกจะเดินขึ้นบันไดไป คุณป้าในชุดกิโมโนสองคนทำท่าอะไรซักอย่างเหมือนตักน้ำล้างเท้า ทุกคนก้มหัวให้คุณพี่ท่านนั้น บรรยากาศเงียบสงบวังเวงมาก
ตอนนั้นเริ่มกังวลใจในความปลอดภัยของตนเองแล้ว เอ๊ะนี่กูอยู่ในฉากถ่ายหนัง หรือว่าหลงเข้ามาในพิธีกรรมของแก๊งค์โอนิซึกะ เฮ้ยถ้าเค้าเห็นเราจะจับตัวไปขังแล้วตัดนิ้วก้อยมั้ย หรือว่าจะข่มเหงย่ำยีความสาวที่พอจะเหลืออยู่เป็นค่าชดใช้ความผิดฐานบุกรุก โอ๊ย นี่ชั้นคือแพรวดาว แต้ว ณฐพร เหมือนในละครสินะ จับดิฉันเลยค่ะ ดิฉันยินดี...
เพ้อเจ้ออยู่คนเดียวนานมาก จนเห็นคนข้างในนั้นเค้าหันมามองแล้วยิ้มให้ อ่อ กูก็ถ่ายรูปได้หนิ แต่ไม่ถ่ายแล้วดีกว่า ยังไงก็ยังรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย จึงเปิดตูดเผ่นแน่บออกจากตรงนั้น โดยไม่รอสืบให้รู้แล้วว่าตกลงเค้าทำอะไรกัน
สุดท้ายก็มานั่งพักอยู่ที่ริมแม่น้ำคาโมะ (Kamogawa 鴨川) ร่วมกับชาวโลคัลที่ออกมาใช้ชีวิต บางคนมาวิ่ง บางคนมาปั่น บางคนห่อข้าวมากิน บางคนมานอน บางคนพาหมามาอึ บางคนไปนั่งทับอึหมา (กูเอง) พักผ่อนพอให้แข้งขากลับมามีเรี่ยวแรงเดินต่อ เราก็กระโดดลงน้ำแล้วว่ายต่อไปที่วัด Ginkakuji เพราะคนแถวนั้นบอกว่าไม่ไกล เลยตัดสินใจเดินทางทางน้ำเลยดีกว่า หลากหลายดี
จริงก็บ้าแล้ว...
0 comments: