JP14 EP.9: Mori - ป่า
9.森
MORI ป่า
ไม่ได้เข้าวัด Ginkakuji...
ตอนแรกกะว่าจะเข้าไปแอ่วด้านในวัดเสียหน่อยเพราะไหนๆ ก็มาถึงแล้ว แต่เพราะว่าเสียเวลารอรถเมล์ที่ Arashiyama ไปเป็นชั่วโมง สิ่งที่คิดตั้งใจไว้ก็เปลี่ยนไปหมด และเอาเข้าจริงๆ เหตุผลที่มาแถวนี้ก็ไม่ได้อยากจะมาดูวัดวาอะไรหรอก แค่อยากมาเดินตามเส้นทางที่เขาเรียกกันว่า Philosopher's Path เท่านั้นเอง
ก่อนจะเริ่มเดินก็จัดการทาโกยากิที่ร้านคุณป้าเวรี่โลคัล ตอนนั้นหิวแบบหน้ามืด ต้องการเพียงสองอย่าง คือกินอะไรก็ได้แบบเร็วๆ และฉี่ เพราะตั้งแต่เช้านี่ยังไม่ได้ปล่อยของเสียเลย ซึ่งทั้งหมดนั้นเราสามารถทำได้ที่ร้านคุณป้า ห้องน้ำที่บ้านคุณป้าอบอุ่นซะจนอยากจะขออาบน้ำเสียด้วยเลย ส่วนทาโกยากิก็อยู่ในระดับกินให้อิ่ม คิดว่าคุณป้าน่าจะไปเอาดีด้านการให้บริการห้องน้ำอบอุ่นมากกว่า
เมื่อร่างกายพร้อมเราก็เริ่มออกเดินตามเส้นทางสายนักปราชญ์เผื่อจะฉลาดขึ้นมาบ้าง เส้นทางเดินเลียบคลองความยาวกว่า 2 กิโลเมตร ตั้งต้นที่วัด Ginkakuji ยาวไปจนสุดทางที่วัด Nanzenji โดยชื่อเส้นทางสายนักปราชญ์นี้เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกัน อันมีที่มาจาก Nishida Kitaro นักปรัชญาที่มีชื่อเสียง มักจะใช้เวลาทุกวันในการเดินครุ่นคิดระหว่างเดินทางไปมหาวิทยาลัยเกียวโต หลังจากนั้นมา บรรดานักท่องเที่ยวก็เลยมาเดินครุ่นคิดกันใหญ่เลย
ส่วนคลองเล็กๆ ที่เราเดินผ่านนั้นมีการตัดสร้างคลองนี้ขึ้นตั้งแต่สมัยเมจิ มีความยาวกว่ายี่สิบกิโลเมตร ผ่านภูเขาเพื่อไปรวมกับทะเลสาปบิวะ ที่จังหวัดชิงะ (ที่เราไปมาเมื่อวาน) ทั้งนี้ก็เพื่อนำพาความเจริญมาสู่ชุมชนชาว Higashiyama แถวนั้น ส่วนตอนนี้ บ้านเรือนที่ตั้งอยู่ติดกับคลองและถนนหินที่ว่า ก็เปิดเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ แกลเลอรี และร้านขายของที่ระลึกเรียงรายยาวไปตลอดทาง
เส้นทางเดินนี้จะฮิตมากถ้ามาในฤดูใบไม้ผลิ หรือช่วงฮานามิของชาวญี่ปุ่น เพราะต้นซากุระจะบานเปล่งปลั่งอมชมพูโอบล้อมคลองที่ด้านล่าง เป็นบุญตาแก่ผู้ที่มาพบเห็น ส่วนเรามาในหน้าใบไม้เปลี่ยนสี ก็ได้อารมณ์ดีไปอีกแบบ เพราะพี่ๆ ต้นไม้ก็แข่งกันเหลือง แข่งกันแดง แยงกิ่งก้านพัวพันกันยุ่งไปหมด คือตลอดทางเดินมันมีแค่นี้จริงๆ คาเฟ่เล็กๆ ร้านขายของนิดหน่อย คลอง ต้นไม้ พูดสี่ห้าคำนี้วนซ้ำไป 27 เที่ยว ก็จะสุดทางเดินเส้นนี้พอดี
ส่วนดีของทางเดินสายนี้คือมันประดิษฐ์แต่พอดี คือมันไม่ได้สร้างและได้รับการดูแลแบบสุดเฉียบเนี้ยบนิ้งเพื่อรอต้อนรับนักท่องเที่ยว มันมีความมั่ว รก ไม่เป็นระเบียบปะปนบ้างประปราย คนโลคัลเดินก็ไม่ได้รู้สึกแปลกแยก นักท่องเที่ยวมาก็ไม่รู้สึกว่ากูอยู่ในฉากหนังรึเปล่าทำไมเนี้ยบขนาดนี้ เป็นความไม่ตั้งใจที่ตั้งใจ เป็นความวะบิซะบิอันเที่ยงแท้แบบญี่ปุ่นแท้จริงๆ
แหม ทำเป็นมีองค์ความรู้...
เมื่อมาจนสุดทาง ก็จะเจอป้ายชี้ว่าวัด Nanzenji ไปทางไหน ซึ่งเราก็ตั้งใจจะไปที่นั่นแหละ จนกระทั่งเหลือบไปเห็นป้ายนึง เขียนว่า "Yae and Joseph Hardy Neesima Gravesite" ชีวิตเราก็เปลี่ยนไปเลย...
เห็นป้ายปุ๊บก็กดเข้า google หาเลยว่า เอ๊ะ Yae นี่ใช่ Yae เดียวกับที่อายาเสะรับบทในซีรีส์ไทงะเมื่อปีก่อนรึเปล่าวะ ซึ่งพี่กูเกิ้ลก็ตอบมาว่า ใช่จ้ะ คนเดียวกันเลย เท่านั้นพนิตชนกก็รู้สึกถึงความรีเลทขึ้นมาทันที ในฐานะติ่งอายาเสะที่ดี เราก็ควรเคารพในตัวละครที่เธอรับบทด้วย ดังนั้น เราไปเคารพสุสานท่านยาเอะกันเถิด ป้ายก็เขียนไว้ว่า เดิน 20 นาที นี่กูเดินมาจะชั่วโมงนึงแล้ว แค่นี้จิ๊บจ๊อยมาก ไปเถอะ บางทีอายาเสะอาจจะเคยมาเคารพท่านยาเอะที่นี่ก็ได้
จึงออกเดินตามป้ายนั้นไป และอีกห้านาทีถัดมาก็พบว่า นี่กูกำลังเดินขึ้นเขาเข้าป่า...
กลับมาที่ท่านยาเอะก่อน ชื่อเดิมของท่านคือ Yamamoto Yaeko เกิดในครอบครัวซามูไร ทางคุณพ่อและพี่ชาย ทำให้ยาเอโกะออกจะเป็นสาวห้าว เธอใช้ปืนเก่ง และเคยร่วมรบเพื่อปกป้องปราสาท Aizuwakamatsu (หรือที่จะรู้จักกันในชื่อ Tsuruga Castle ปราสาทนกกะเรียน ตั้งอยู่ที่จังหวัด Fukushima) ในสงครามโบชิน (Boshin War) ต่อมาเธอหย่ากับสามีคนแรก Shonosuke Kawasaki แล้วย้ายมาอยู่ที่เกียวโต
ที่เกียวโต ยาเอะได้เข้าสอนที่ Kyoto Women's School และสนใจศึกษาภาษาอังกฤษและภาษาตะวันตกอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย ต่อมาเธอได้พบกับ Joseph Hardy Niijima ซามูไรหนุ่มผู้ที่เดินทางไปเล่าเรียนที่อเมริกา และกลับมาญี่ปุ่นโดยตั้งใจที่จะเผยแพร่ศาสนาคริสต์ (คริสเตียน) ให้เป็นที่รู้จักในญี่ปุ่น ยาเอะแต่งงานกับโจเซฟและเปลี่ยนมาเป็นคริสเตียนตั้งแต่นั้น และทั้งสองก็มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งมหาวิทยาลัยโดชิชา (Doshisha University) ถือได้ว่าเป็นผู้หญิงญี่ปุ่นที่ค่อนข้างหัวก้าวหน้าคนนึงในสมัยนั้น
เรื่องราวของยาเอะ ถูกนำมาเล่าเป็นมังงะเรื่อง Yae no Sakura โดย Yamamoto Mutsumi และในปี 2013 ก็ได้ถูกสร้างเป็นละครไทงะ (Taiga Drama) ของช่อง NHK ซึ่งผู้ที่ได้รับเกียรติให้มารับบท Handsome Woman (คนญี่ปุ่นเรียกยาเอะแบบนั้น) ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน อะแฮ่ม...อายาเสะ ฮารุกะ ของเค้านี่เองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง อวดดดดดดดดดดดดดดดดด
อนึ่ง การได้มารับบทนำในละครไทงะของ NHK นี่ถือว่าพีคมากนะคะ แถมเป็นละครแบบนำหญิง อายาเสะก็ได้ซีนไปเต็มๆ เลย และเท่าที่เห็นข่าว อายาเสะกำลังจะรับบทนำในละคร Taiga ประจำปี 2016 เรื่อง Guardian of the Spirit (Seirei no Moribito 精霊の守り人 ) ขาขึ้นจริงๆ ค่ะช่วงนี้
ตัดภาพกลับมาที่พนิตชนกผู้กำลังยืนหอบแฮ่กๆ อยู่ในป่า เพราะตอนนั้นก็เดินขึ้นมาสูงระดับนึงแล้ว อากาศจากเดิมที่ร้อนๆ พอเข้ามาในโซนป่าปุ๊บก็หนาวเลย หนาวด้วยอุณหภูมิก็เรื่องหนึ่ง แต่อีกส่วนคือบรรยากาศโดยรวมทำให้หนาวมาก ในป่านี่เงียบเลย มีเสียงนกร้องให้ดังก้องๆ เหมือนในหนังอยู่สองสามวูบที่เหลือคือเงียบ รอบตัวนี่ไม่มีใครเลย แถมป้ายที่เคยมีอยู่ถี่ๆ นี่เริ่มหายไปหมด เหลือแต่ป้ายภาษาญี่ปุ่นแบบคันจิล้วน ยิ่งเคว้งคว้างเข้าไปอีก จะกลับตัวลงไปตอนนั้นก็เสียดายระยะทางที่เดินขึ้นมา เอาวะ ขึ้นมาแล้วก็ต้องไปให้สุด จึงเดินหอบๆ ขึ้นเขาต่อไป
ไม่นานก็เจอคน..
เป็นครอบครัวมากันสามคน เป็นคุณตา คุณป้า และคุณพี่สาวคนนึงท่าทางจะอายุมากกว่าไม่เยอะ ทั้งสามคนเดินหอบขึ้นเขาไปเหมือนกับเรา โอ้ววววว ไม่เหงาแล้ว เลยเข้าไปถามคุณพี่สาวว่านี่ต้องเดินไปอีกไกลมั้ย แกบอก นี่เพิ่งครึ่งทางอ่ะน้อง เหลืออีกครึ่งนึง จากนั้น เพื่อความชัวร์เลยถามเค้าว่
เดินขึ้นไปอีกนิดก็เจอหลุมศพแล้
ฉับพลันก็ได้ยินเสียง "อ๊ะ เจอแล้ว" ของคุณพี่สาวคนเดิม เราเลยเดินกลับไปตามเสียงพี่
จากนั้นจึงเป็นการเดินแบบเหี่ยวๆ แล้วแอซซูมเอาเองละว่าหลุมไหนที่ดูใหญ่ ดูแกรนด์ที่สุด ก็น่าจะเป็นของท่านยาเอะนี่แหละ ซึ่งเท่าที่ประเมินด้วยตา มีหลุมที่แกรนด์ไปแล้วกว่า 40% จึงเดินสุ่มไปหาหลุมนึง ยกมือไหว้ คารวะท่านยาเอะที่ก็ไม่รู้ว่าใช่มั้ย แล้วก็เดินลงเขามาแบบเศร้าๆ มีเพลงเหงาของเสนาหอยคลอเบา
แถมตอนลงยังเจอผึ้งบินระราน ส่งเสียงดังหึ่งๆ อยู่ข้างหู เดือดร้อนให้ต้องวิ่งหนีลงมาอีก ทำไมความรักที่เรามีต่ออายาเสะมันถึงได้ทรมานเราขนาดนี้ ฮืออออออออออ...
0 comments: