Hanachan no Misoshiru: ร่องรอยที่ไม่ลืมเลือน
Hanachan no Misoshiru(2015, Tomoaki Akune, B+)
เราว่ามันไม่ใช่หนังเชิงให้กำลังใจอะไรแบบนั้นนะ เพราะสิ่งเดียวที่บั่นทอนตัวละครในเรื่อง ก็คือมะเร็ง ที่สู้ยังไงก็แพ้ แต่ในการแพ้ตลอด ตัวละครอย่าง จิเอะ กลับถอยมาเพื่อจัดการกับชีวิตตัวเอง รับมือกับความตายที่จะมาถึง เพื่อให้เธอจากไปได้อย่างหมดจด งดงามที่สุด
สำหรับเรา มันคือหนังที่เล่าเรื่องแม่-ลูก มากกว่า เราว่าลูกสาวแทบทุกคนต้องมีโมเมนท์ที่ได้ทำอะไรร่วมกับแม่อยู่ในครัว คือมันเป็นพื้นที่ของแม่กับลูกสาว (และอาจจะลูกชายด้วย) ที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน ได้ถ่ายทอดและส่งต่อรสชาติ และกรรมวิธี ที่ร้อยบ้านก็ต่างกันไปร้อยวิธี แม่อาจจะไม่ได้ลงมือสอนเรา แต่ทุกการขยับตัว ท่วงท่า เสียงหั่น สับ ควันคลุ้งจากกระทะที่ตั้งน้ำมันจนร้อนฉ่า รสสัมผัสพวกนั้นมันติดตรึงอยู่ในตัวเรามาตลอด เราอาจจะจำมันเป็นภาพที่ชัดไม่ได้ แต่เรานึกถึงมันอยู่เสมอ และ - อย่างไม่รู้ตัว เราเองก็ได้ซึมซับ และรับเอาตัวแม่มาอยู่ในตัวเราไปแล้ว
มันเลยเป็นการสั่งเสียที่ไม่ได้ฟูมฟายยาวย้วยด้วยไดอาล็อกพร่ำบอกว่ารัก แต่เป็นการทิ้งร่องรอยของผู้ที่จากไป ผ่านรสชาติ และกรรมวิธีการปรุง ผ่านกลิ่นผ้าหอมแดด ผ่านกองผ้าที่พับไว้ในตู้ ผ่านเพลงที่เราชอบร้องชอบฟัง ทั้งหมดนั้นคือตัวเราที่ถูกทิ้งเอาไว้ ไม่ว่าจะผ่านไปแค่ไหน เมื่อคนที่ยังอยู่ได้กิน ได้กลิ่น ได้มอง ได้ยิน พวกเขาก็จะยังนึกถึงเราอยู่เสมอ
หนังมันมีพลังบวกอยู่เยอะ แบบดูมาจนถึงฉากคอนเสิร์ตแล้วอยู่ดีๆ ก็แว้บขึ้นมาว่า นี่กูยังไม่ได้เกลียดตัวละครไหนเลยอ่ะ คือทุกตัวมีไว้เพื่อให้เรารักหมดเลย คือมันเป็นชุมชน เป็นคนที่แวดล้อมด้วยสิ่งที่ดีๆ เป็นไปได้ว่า เขาคงอยากจะกรอบภาพสุดท้ายก่อนตายของเราให้มันเหลือแต่สิ่งที่ควรค่าแก่การจดจำ ให้เหลือแต่คนที่เรามีความหมายกับเขา และเขาก็มีความหมายกับเรา ทีนี้พอทุกคนเป็นคนดีหมด มันก็มีความเลี่ยนเหมือนกัน แต่เราไม่ได้มีปัญหากับอะไรตรงนั้น เพราะไอ้พาร์ทแม่-ลูกนั้นเอาเราอยู่หมดแล้ว
Ryoko Hirosue คือแก่ไปมาก เธอเป็นรักแรกๆ ของเราตั้งแต่ยังอยู่มัธยม ตอนนั้นชอบอยู่ไม่กี่คน มีทาเคอุจิ ยูโกะ แล้วก็ฮิโรสุเอะนี่แหละ ติดใจจากเรื่อง Otousan ที่ฉายใน iTV สมัยนั้น น่ารักชิบหายวายป่วง แต่ก็เนอะ ผ่านมาเป็นสิบปีก็ต้องมีเฒ่าชรากันไปบ้าง เพราะความแก่เลยทำให้ไม่อินช่วงแรกที่เธอเล่นแอ๊บเด็กก่อนแต่งงานเท่าไหร่ แต่พอเข้าโหมดคุณแม่แล้วไม่มีข้อกังขา, Kenichi Takito คือเกือบจะเป็นคุณพ่อไม่เอาไหนคลิเชๆ แต่ไม่ใช่ว่ะ เราว่าเขาเล่นแล้วพาเราไปไกลกว่านั้น แต่ที่ดีมาก ดีที่สุด คือน้อง Emina Akamatsu น่ารักเหลือเกินลูกแม่ ถ้าบทฮานะได้เด็กที่กระแดะเกินวัยไปกว่านี้หนังจะพังพาบไปทั้งเรื่องเลย แต่น้องเอมินะก็เป็นเด็กแบบนี้แหละ ไปดูคลิปสัมภาษณ์ ก็เออ น้องก็เล่นเป็นตัวน้อง แค่ไม่มองกล้อง
ระดับความพังในการดูของเราคือเต็มสิบกูให้ไปเลยยี่สิบ ไม่เคยร้องไห้แบบเสียสติในโรงหนังหนักเท่าครั้งนี้ คิดว่าเพราะหนังก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนคือคงคิดถึงแม่ด้วย พอเรารีเลทกับหนังได้เลยยิ่งอินมาก มีหลายครั้งที่เราเสียดาย ที่เราไม่ได้ถาม และแม่ก็ไม่ได้สอนอะไรหลายอย่างเอาไว้ให้ ยิ่งเวลาทำอาหารสมัยนี้ เวลาที่ต้องมั่วซั่วด้นสด เวลานั้นจะคิดถึงแม่เสมอ ว่ารู้งี้ถามไว้บ้างก็ดี อยากเรียนรู้หลายๆ อย่างจากครัวของแม่ อยากเป็นฮานะที่ได้แม่ทิ้งสมุดจดสูตรอาหารไว้ให้
แต่จะว่าไป ก่อนแม่เสีย แม่ตำพริกไทยดำใส่โหลเอาไว้ แม่จะชอบตำพริกไทยเอง ไม่ซื้อสำเร็จรูป และไม่ใช่เครื่องปั่น แม่บอกว่ากลิ่นมันไม่เหมือนกับตำ เราก็เออออไปกับแกด้วย ไม่ค่อยรู้หรอกว่ามันต่างกันขนาดนั้นเลยเหรอ จนแม่เสีย พริกไทยโหลนั้นยังเต็มอยู่เลย นานๆ จะแบ่งออกมาใช้บ้าง จนตอนนี้ก็ยังเหลืออยู่นิดหน่อย
คงเป็นรสชาติสุดท้ายที่แม่ทิ้งไว้ให้เราล่ะนะ
ปล. ลองไปดูคลิปชีวิตของฮานะและคุณพ่อ ตอนนี้น้องฮานะอายุสิบสองแล้ว ยังทำทุกอย่างด้วยตัวเองได้เหมือนเดิม ได้เห็นภาพเคลื่อนไหวตอนคุณจิเอะมีชีวิตอยู่ ก็พอจะเข้าไปแล้วว่าที่หนังมันฟุ้งไปด้วยพลังบวกนั้นได้มาจากไหน
0 comments: